ดูแลดวงตา
ส่วนประกอบที่สำคัญ
- Bilberry บิลเบอร์รี่
มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับบิลเบอร์รี่ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา เพราะ มีแอนโธไซยาโนไซด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก โดยที่สารนี้เองเป็นส่วนสำคัญที่ใช้บำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ที่เป็น โรคตามัวตอนกลางคืน นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันจอประสาทตา จากการถูกทำลายโดยขบวนการออกซิเดชันที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ช่วยลดอนุมูลอิสระในจอตา และยังช่วยสร้างโรดอพซิน ซึ่งเป็นสารสีที่พบในจอรับภาพในตา
ดังนั้นจึงมีการใช้บิลเบอร์รี่เพื่อป้องกันอาการเสื่อมที่เกิดกับดวงตา เช่นต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
- Black currant แบล็คเคอร์เรนท์
มีการวิจัยพบว่า ในแบล็คเคอร์เรนท์มีสารแอนโธไซยานินที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา และชะลอความเสื่อมของเซลล์ดวงตา และจอประสาทตา ช่วยลดการเสี่ยงจากการเกิดโรคต้อกระจก ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้นเลือดไปเลี้ยงเส้นเลือดฝอยที่ดวงดาให้แข็งแรง ไม่แตกง่าย ป้องกันไม่ให้ดวงตาและจอประสาทตาเสื่อม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคทางสายตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม โรคน้ำตาแห้ง หรือเซลล์สายตาถูกทำลาย
- Ginkgo biloba ใบแป๊ะก๊วย
มีสารสกัดไบโอฟลาโวนอยด์ สารสกัดตัวนี้ จะช่วยต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยให้ป้องกันการก่อมะเร็งได้ส่วนหนึ่ง รวมถึงช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ดวงตา ช่วยชะลอการเสื่อมของดวงตา ช่วยให้ประสาทตาสามารถทำงานมองเห็นภาพได้เป็นปกติ เห็นสีชัดเจน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน อาจช่วยป้องกันอาการที่คนทั่วไปเรียกว่า เบาหวานขึ้นตา นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดอาการจอประสาทตาเสื่อมที่อาจพบได้บ่อยในเหล่าผู้สูงอายุอีกด้วย
- Goji berry ผลโกจิ
มีแหล่งกำเนิดในประเทศจีน
"โกจิเบอร์รี่ (เก๋ากี้) ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ และซีแซนทีน ช่วยเรื่องการมองเห็น หรือสายตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการรับภาพ และป้องกันแสง โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงิน และสีฟ้า ทำให้ดวงตาเสื่อมช้าลง
- Grape seed เมล็ดองุ่น
ช่วยบำรุงตาจากประโยชน์ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบีกรดนิโคตินิค และสารเหล่านี้ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันจอประสาทตาเสื่อมได้เป็นอย่างดี เพื่อดวงตาให้มีสุขภาพดี โดยเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของไบโอฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงจึงช่วยในการปกป้องเซลล์ดวงตาจากการถูกทำลายและป้องกันการเสื่อมของควงตาลดความเสี่ยงต้อกระจกสายตาสามารถปรับการมองเห็นได้ดีขึ้น
- Green tea ชาเขียว
ในสารสกัดชาเขียวนั้นจะอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลที่ชื่อว่า EGCG มีคุณสมบัติในการล้างพิษ โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงสูง ช่วยลดร่องรอยความอ่อนล้าของผิวรอบดวงตา และยังลดการบวมของเปลือกตาและถุงใต้ตา ผิวจะนุ่มนวลและดูสดชื่นขึ้น
- Marigold ดอกดาวเรือง
ในดอกดาวเรืองมีสารลูทีนและซีแซนทีนเป็นสารสาคัญ ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดด ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดต้อกระจก และช่วยการปกป้อง จอประสาทตา
- Pine bark เปลือกสน
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ และช่วยให้สารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่นวิตามินซี วิตามินอี ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้งช่วยให้วิตามินซีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม และลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อกระจก
- Vitamin A วิตามิน เอ
ประโยชน์สารสกัดจากวิตามินเอ ช่วยป้องกันอาการตาบอดกลางคืนเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงต่อโรคจุดภาพชัดตาเสื่อมจากอายุ ต้อหิน ต้อกระจก โรคจอตามีสารสีโดยชะลอการลุกลามของโรคตาที่สร้างความเสียหายกับจอตาได้ และเร่งการฟื้นตัวหลังการผ่าตัดตาอีกด้วย
- Vitamin C วิตามิน ซี
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันของเซลล์ ช่วยบำรุงสายตาให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้การมองเห็นดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อหิน ต้อกระจก ตาบอดเฉียบพลัน
- Vitamin E วิตามินอี
วิตามินอีเป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยบำรุงสายตาเรื่องการมองเห็นให้ทำงานได้ดี โดยช่วยถนอมบำรุงสายตา และป้องกันการเกิดภาวะการอักเสบบริเวณดวงตาได้
- Copper คอปเปอร์
เป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ในร่างกายลดภาวะการขาด Copper ในร่างกาย เนื่องจาก Zinc ต้องใช้ Copper ช่วยในการดูดซึม
- Selenium ซีลีเนียม
เป็นตัวช่วยให้เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ต้านนุมูลอิสระทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- Zinc ซิงก์
ช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา (Slows Macular Degeneration) ช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการตาฟางหรือตาบอดกลางคืน
- Omega-3 กรดไขมันโอเมกา-3
งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Ophthalmology แสดงให้เห็นว่าการรับประทาน Omega-3 จะช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นอันเกิดจากโรคจอประสาทตาเสื่อม ได้มากถึง 45% และช่วยลดอาการตาแห้งได้อีกด้วย